ทีมชาติเยอรมนี เอาชนะลักเซมเบิร์ก 4-0 ในรอบคัดเลือก (ฟุตบอลโลก)
ทีมชาติเยอรมนี ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายในการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 19 ติดต่อกัน หลังเปิดบ้านถล่ม ลักเซมเบิร์ก 4-0 ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป ที่สนามเปรซีโร อารีนา แม้รูปเกมโดยรวมยังมีจุดให้ปรับปรุง โดยเฉพาะการใช้โอกาสในพื้นที่สุดท้าย
เปิดเกมแรง “ราอุม” ยิงฟรีคิกปลดล็อกทีมชาติ เกมเริ่มต้นได้เพียงไม่กี่นาที “อินทรีเหล็ก” ได้โอกาสทองจากลูกยิงของ แซร์จ นาบรี ที่แฉลบไปโดนแขนกองหลังลักเซมเบิร์กในเขตโทษ แม้จังหวะนั้นยังไม่ได้ประตู แต่ความกดดันของเจ้าถิ่นส่งผลให้ได้สกอร์ขึ้นนำในนาทีที่ 10 เมื่อ ดาวิด ราอุม ปั่นฟรีคิกสุดงามข้ามกำแพงเสียบมุมเข้าไป เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในนามทีมชาติ
คิมมิช ซัดจุดโทษบวกสอง – ลักเซมเบิร์กเหลือสิบคน เยอรมนีเดินหน้าบุกต่อเนื่อง และมาได้ลูกที่สองจากจุดโทษ เมื่อ เดิร์ก คาร์ลสัน ใช้มือปัดบอลจากลูกยิงของนาบรีที่กำลังจะเข้าประตู ทำให้ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ก่อนที่ โจชัว คิมมิช จะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด พาเจ้าบ้านนำห่าง 2-0
โอกาสเพียบแต่ปิดเกมไม่คมในครึ่งแรก แม้จะได้เปรียบทั้งสกอร์และตัวผู้เล่น แต่ทีมของเยอรมนีกลับไม่สามารถเพิ่มประตูได้ในช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรก จังหวะยิงของนาบรีที่แทบจะกลายเป็นประตูที่สามต้องโดนยกเลิกจากการล้ำหน้า ขณะที่ลักเซมเบิร์กยังตั้งรับเหนียวแน่นแม้จะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน
ครึ่งหลัง “นาบรี–คิมมิช” คนละลูก ปิดบัญชีสวยงาม เริ่มครึ่งหลังได้เพียงสามนาที นาบรีก็มาซัดประตูที่สามให้เยอรมนีจากการประสานงานกับ คาริม อเดเยมี ก่อนที่คิมมิชจะบวกเพิ่มอีกหนึ่งลูก หลังจากลูกชุลมุนในกรอบเขตโทษ จนสกอร์ขยับเป็น 4-0 และแม้ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ จะได้โอกาสปั่นฟรีคิกชนเสาอย่างน่าเสียดาย แต่เยอรมนีก็ยังคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด
ลักเซมเบิร์กสู้เต็มที่แม้เหลือ 10 คน แม้จะเสียเปรียบตัวผู้เล่นตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ลูกทีมของ เจฟฟ์ สตราสเซอร์ ยังคงต่อสู้เต็มที่ โดยมีนายประตู แอนโทนี มอริส ที่ต้องเจ็บจากการเซฟลูกยิงของเวิร์ตซ์ แต่ก็ยังสามารถรักษาไม่ให้ทีมเสียประตูเพิ่มในช่วงท้ายเกม
เยอรมนียังไม่พลาดบอลโลกในรอบ 75 ปี ชัยชนะนัดนี้ทำให้เยอรมนีขยับเข้าใกล้การผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกอีกครั้ง โดยตลอด 75 ปีที่ผ่านมา “อินทรีเหล็ก” ไม่เคยพลาดการเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้เลย อย่างไรก็ตาม ผลงานในเกมนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงบางจุดที่ต้องพัฒนา
โดยเฉพาะการปิดสกอร์เมื่อเจอกับคู่แข่งที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่า ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในแมตช์ชี้ชะตากับ สโลวาเกีย เดือนพฤศจิกายนนี้ แมนออฟเดอะแมตช์: โจชัว คิมมิช กัปตันทีมผู้ควบคุมจังหวะและสร้างความแตกต่างได้ทุกจังหวะ ทั้งยิงสองลูกและคุมเกมกลางสนามได้อย่างยอดเยี่ยม
ติดตามข่าวกีฬาต่างๆและรับชมการถ่ายทอดสดบอล และกีฬาอื่นๆได้ที่นี่ LIVESPORT911
หรือแอดไลน์ได้ที่ @UFAAPP
 
				 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
 
 
															 
						
							
		 
						
							
		 
						
							
		 
						
							
		 
						
							
		 
						
							
		