แมนฯ ซิตี้ บุกคว่ำราชันที่เบร์นาเบว ลุ้นเข้าท็อป 8 UCL สดใส
แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังคงความเฉียบคมในเวทียุโรป หลังพลิกสถานการณ์จากการตามหลัง เรอัล มาดริด บุกคว้าชัย 2-1 ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว พร้อมขยับโอกาสเข้าไปอยู่ในกลุ่มท็อป 8 ของตารางคะแนนรอบแบ่งกลุ่มได้สดใสมากขึ้น
เกมนี้เริ่มต้นด้วยความกดดันที่ถาโถมใส่เจ้าถิ่น ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มเป๋ ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ ที่คว้าชัยได้เพียงสองจากแปดเกมล่าสุด แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์กดดัน แต่เรอัล มาดริดก็เป็นฝ่ายเบิกสกอร์ก่อนเมื่อ โรดริโก้ ปลดล็อกการยิงประตูครั้งแรกในรอบกว่า 30 เกม ด้วยลูกยิงเรียดผ่านมือ ดอนนารุมมา อย่างสุดคม
อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพียงเจ็ดนาทีถัดมา นิโก้ โอ’ไรลีย์ ก็เติมเกมขึ้นมาเก็บบอลและซัดตีเสมอแบบเฉียบขาด ก่อนที่จุดเปลี่ยนสำคัญจะมาถึงช่วงก่อนพักครึ่ง เมื่อผู้ตัดสินเช็ก VAR ยืนยันการทำฟาวล์ของอันโตนิโอ รือดิเกอร์ในกรอบเขตโทษ และเป็น เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ส่งแมนฯซิตี้ พลิกนำ 2-1 พร้อมสร้างสถิติสุดโหด ยิง 55 ประตูจาก 54 เกมในแชมเปี้ยนส์ลีก
เจ้าถิ่นเร่งเครื่องท้ายเกม แต่ไร้ความเฉียบคม เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เรอัล มาดริดเริ่มขยับเกมรุกเร็วขึ้นเพื่อทวงประตูตีเสมอ โดยมี วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นตัวความหวังหลัก แต่แม้จะพยายามโจมตีจากทั้งด้านข้างและการลากเลื้อยกดดันแนวรับซิตี้ ก็ยังไม่สามารถเจาะผ่านดอนนารุมมาได้
ช่วงท้ายสุดของเกม แฟนบอลมาดริดมีลุ้นเฮเมื่อ เอ็นดริก ตัวสำรอง ขึ้นโหม่งเต็มหัวจากการเปิดของอัลวาโร่ การ์เรราส แต่บอลกลับไปกระแทกคานอย่างน่าเสียดาย ช็อตนั้นแทบจะสะท้อนภาพรวมฟอร์มของทีมในตอนนี้—มีโอกาส แต่จบไม่คม
สถานการณ์ตารางคะแนนรอบแบ่งกลุ่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระโดดขึ้นอันดับ 4 ของกลุ่ม และยังมีโปรแกรมพบ โบโด/กลิมต์ และ กาลาตาซาราย ในช่วงปีใหม่ เรอัล มาดริด ตกไปอยู่อันดับ 7 ต้องเจอกับ เบนฟิกา และ โมนาโก ซึ่งเป็นงานหนักในจังหวะที่ทีมกำลังฟอร์มแกว่ง
ชัยชนะครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าซิตี้ยังคงเป็นทีมที่รับมือได้ยากที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป โดยเฉพาะเมื่อมีฮาแลนด์ที่เฉียบคมและนิ่งเกินอายุ ขณะที่เรอัล มาดริดต้องเร่งคืนฟอร์มให้เร็ว ไม่เช่นนั้นเส้นทางใน UCL ฤดูกาลนี้อาจสั้นกว่าที่คาด
ติดตามข่าวกีฬาต่างๆและรับชมการถ่ายทอดสดบอล และกีฬาอื่นๆได้ที่นี่ LIVESPORT911
หรือแอดไลน์ได้ที่ @UFAAPP