เจเรมี หลิน อดีตพอยต์การ์ดของ NBA ประกาศอำลาวงการบาสเก็ตบอล

เจเรมี หลิน

เจเรมี หลิน ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับ NBA อย่างแท้จริง

เจเรมี หลิน ประกาศอำลาวงการครั้งนี้คงเป็นการตัดสินใจที่ไตร่ตรองมาอย่างดี หลังจากที่เขาย้ายไปเล่นในลีกอื่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องธรรมดาที่นักกีฬาจะถึงจุดที่ต้องตัดสินใจก้าวต่อไปในบทบาทอื่นของชีวิตจุดเริ่มต้น: ในเกมกับ นิวเจอร์ซีย์ เน็ตส์ (ปัจจุบันคือ บรุกลิน เน็ตส์) วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2012 หลินได้รับโอกาสลงสนามและระเบิดฟอร์มทำ 25 แต้ม 5 รีบาวด์ 7 แอสซิสต์ พาทีมชนะ

จากนั้นกราฟชีวิตเขาก็พุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง ปรากฏการณ์ที่ไม่อาจคาดเดา: ในอีก 10-15 เกมถัดมา หลินได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงและกลายเป็น “ซูเปอร์สตาร์ชั่วข้ามคืน” เขาทำคะแนนได้อย่างถล่มทลาย จ่ายบอลอย่างชาญฉลาด

และนำทีมนิกส์ชนะรวดหลายเกม ตัวอย่างเช่น: ทำ 38 แต้มใส่โคบี ไบรอันท์ และแอลเอ เลเกอร์ส , ชู้ต 3 แต้มวินนิ่งช็อตในวินาทีสุดท้ายใส่โตรอนโต แร็ปเตอร์ส และเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ NBA ที่ทำได้อย่างน้อย 20 แต้ม และ 7 แอสซิสต์ ใน 5 เกมแรกที่ออกสตาร์ท

ผลกระทบทางวัฒนธรรม: “Linsanity” ไม่ใช่แค่เรื่องของบาสเกตบอล แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลก เสื้อแข่งของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สนาม Madison Square Garden เต็มไปด้วยพลังงานที่น่าทึ่ง ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะชาวเอเชีย ต่างภาคภูมิใจและให้การสนับสนุนอย่างล้นหลาม สื่อกระแสหลักทั่วโลกให้ความสนใจ

รายการทีวีและบทความต่างๆ พูดถึงเรื่องราวของเขาอย่างต่อเนื่อง นี่คือเรื่องราวของ “อันเดอร์ด็อก” ที่กลายเป็นฮีโร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ แรงบันดาลใจและความพยายาม (A Legacy of Inspiration and Perseverance) ผู้บุกเบิกเชื้อสายเอเชียใน NBA : เจเรมีเป็นผู้เล่นเชื้อสายไต้หวัน-อเมริกันคนแรกที่ประสบความสำเร็จใน NBA ในระดับที่โดดเด่น

แม้จะมีผู้เล่นเอเชียคนอื่นมาก่อน (เช่น เหยา หมิง) แต่หลินเป็นพอยต์การ์ดที่เล่นในสไตล์ที่แตกต่างและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับแฟนๆ ทั่วไป เขาเปิดประตูและเป็นแรงบันดาลใจให้คนเชื้อสายเอเชียจำนวนมากที่มองเห็นว่าความฝันในการเล่นบาสเกตบอลอาชีพในลีกสูงสุดนั้นเป็นไปได้จริง

สัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้: เรื่องราวของเขาเป็นบทเรียนที่สมบูรณ์แบบของความ “Grit and Resilience” (ความมุ่งมั่นและความยืดหยุ่น) เขาไม่ได้เป็นผู้เล่นที่ถูกดราฟต์ มีรูปร่างไม่ได้โดดเด่นเท่าซูเปอร์สตาร์คนอื่น แต่ด้วยความฉลาดในการเล่น ความขยันฝึกซ้อม และการไม่ยอมแพ้ต่อการถูกมองข้ามและโอกาสที่จำกัด

ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดสูงสุดได้ พิสูจน์คุณค่าด้วยตัวเอง: เขาไม่เคยอยู่ในทีมที่มีการการันตีตำแหน่ง และต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆ ทีมที่เขาไป นี่คือสิ่งที่นักกีฬาหลายคนต้องเจอ แต่สำหรับหลิน มันคือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยลดละ

เส้นทางอาชีพหลัง Linsanity และการอำลาวงการ (Post-Linsanity Career and Retirement) ความคาดหวังที่สูงเกินจริง: หลัง Linsanity ความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อเขาสูงลิ่ว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะรักษาฟอร์มการเล่นในระดับนั้นได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ประกอบกับอาการบาดเจ็บหลายครั้งที่เข้ามารบกวน

การเดินทางของนักร่อนเร่: อาชีพของหลินหลังจากนิกส์เป็นเหมือนการเดินทาง เขาเล่นให้กับหลายทีม (ฮุสตัน รอกเก็ตส์, แอลเอ เลเกอร์ส, ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์, บรูกลิน เน็ตส์, แอตแลนตา ฮอว์กส์, โตรอนโต แร็ปเตอร์ส) แต่ไม่เคยกลับไปสู่จุดสูงสุดเหมือนช่วง Linsanity อีก

แชมป์ NBA และบทสรุปในลีก: แม้จะไม่ได้เป็นตัวหลัก แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมโตรอนโต แร็ปเตอร์ส ที่คว้าแชมป์ NBA ได้ในปี 2019 ซึ่งเป็นแหวนแชมป์เดียวในอาชีพของเขา ถือเป็นการปิดฉากเส้นทางใน NBA ที่สวยงาม การผจญภัยในต่างแดน: หลังจากนั้น เขาเลือกที่จะไปเล่นในลีก CBA (Chinese Basketball Association) และ P. League+ (ลีกในไต้หวัน) ซึ่งเขายังคงเป็นผู้เล่นระดับสตาร์และเป็นที่รักของแฟนๆ

การตัดสินใจที่สมเหตุสมผล: การประกาศอำลาวงการบาสเกตบอลอย่างเป็นทางการครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่เข้าใจได้ หลังจากที่เขาได้สัมผัสกับความสำเร็จในระดับสูงสุด ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน และเล่นบาสเกตบอลมาอย่างยาวนานถึง 13 ปีในระดับอาชีพ การเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิตจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับนักกีฬาที่ถึงจุดอิ่มตัวหรือต้องการพักผ่อน

ติดตามข่าวกีฬาต่างๆและรับชมการถ่ายทอดสดบอล และกีฬาอื่นๆได้ที่นี่ LIVESPORT911

หรือแอดไลน์ได้ที่ @UFAAPP