The Reds เฉือนแอตเลติโก 3-2 ในค่ำคืนที่แอนฟิลด์

The Reds เฉือนแอตเลติโก! ค่ำคืนที่แอนฟิลด์เต็มไปด้วยความดราม่า เมื่อ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ สวมบทฮีโร่โหม่งประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะแอตเลติโก มาดริด 3-2 คว้าชัยชนะติดต่อกันเป็นนัดที่ 15 ในศึกยุโรปต่อหน้าแฟนบอลเดอะ ค็อป
เกมนี้ อาร์เน สลอต จัดทัพโดยไม่มีนักเตะอังกฤษใน 11 ตัวจริง แต่เลือกใช้อเล็กซานเดอร์ อิซัคลงสนามตั้งแต่นาทีแรก และเพียงไม่กี่อึดใจ ลิเวอร์พูลก็สร้างความได้เปรียบทันที ในนาทีที่ 6 แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โหม่งเข้าประตูจากลูกฟรีคิกของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นประตูแรกในฟุตบอลยุโรปของเจ้าตัวในรอบเกือบหกปี ก่อนที่ซาลาห์จะตอกย้ำความร้อนแรงด้วยการซัดลูกที่ 250 ของตนเองบนแผ่นดินอังกฤษ จากจังหวะลากฝ่าแนวรับและยิงผ่านแยน โอบลัคอย่างเด็ดขาด ส่งให้หงส์แดงนำ 2-0 ตั้งแต่ต้นเกม
แอตเลติโกที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ตีไข่แตกได้ก่อนพักครึ่งจากลูกยิงของ มาร์กอส ยอเรนเต้ ทำให้สกอร์กลับมาสูสี 2-1 และช่วงครึ่งหลังทีมของ ดิเอโก ซิเมโอเน่ ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ จนยอเรนเต้ทำประตูที่สองจากการวอลเลย์บอลเบี่ยงแนวรับหงส์แดงเข้าประตู กลายเป็น 2-2 พร้อมปลุกความหวังทีมเยือนเต็มที่
แม้ลิเวอร์พูลจะมีโอกาสจากซาลาห์ที่เกือบยิงฝังเกม แต่ลูกยิงดันไปชนเสา ขณะที่แนวรับก็เริ่มแกว่ง ท่ามกลางความกดดันมหาศาลในสนาม แอนฟิลด์ เกมดูเหมือนจะจบลงด้วยผลเสมอ กระทั่งนาทีสุดท้ายของการทดเวลา โดมินิก โซบอสซ์ไล เปิดเตะมุมให้ ฟาน ไดค์ ขึ้นโขกเต็มศีรษะ บอลพุ่งตุงตาข่าย ส่งแฟนบอลทั้งสนามเข้าสู่บรรยากาศสุดคลั่งไคล้
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงยืนยันความแข็งแกร่งของหงส์แดงในบ้าน แต่ยังสะท้อนถึงหัวจิตหัวใจนักสู้ของทีม ที่ไม่ยอมปล่อยแต้มหลุดมือในเกมใหญ่แบบนี้ ส่วนซิเมโอเน่ต้องถูกไล่ออกจากสนามในช่วงท้าย หลังไม่พอใจการตัดสินใจของผู้ตัดสินจนแสดงอาการเดือดดาลข้างสนาม
ติดตามข่าวกีฬาต่างๆและรับชมการถ่ายทอดสดบอล และกีฬาอื่นๆได้ที่นี่ LIVESPORT911
หรือแอดไลน์ได้ที่ @UFAAPP